เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 27 สิงหาคม 2563 พลตรีฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ประธานประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมรูปสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทฯ จากธรรมสถานค่ายสุรสีห์ ไปประดิษฐาน ณ อนุสาวรีย์ ลานหน้า บก.กกล. สุรสีห์ส่วนหน้า ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
โดยมี พ.อ.บรรยง ทองน่วม รอง ผบ.พล.ร.9 พ.อ.กานต์นาท นิกรยานนท์ รอง ผบ.พล.ร.9 พ.อ.วินิจ สว่างเนตร ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 ผู้บังคับหน่วยและกำลังพล สังกัด กองพลทหารราบที่ 9 ร่วมพิธีฯ ณ ธรรมสถานค่ายสุรสีห์ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ต่อมาเวลา 10.30 น. ขบวนรถอัญเชิญพระบรมรูปฯ ถึง ลานหน้า บก.กกล.สุรสีห์ส่วนหน้า ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พล.ต.ต.ฐกัด หลอดศิริ ผบ.พล.ร.9 เป็นประธานอัญเชิญพระบรมรูปฯ ประดิษฐาน ณ อนุสาวรีย์ ลานหน้า บก.กกล. สุรสีห์ส่วนหน้า โดยมี นายนรินทร์ ทรงนิพิฐกุล รอง ผวจ.กาญจนบุรี นายประสาน สงวนพันธ์ นายก อบต.บ้านเก่า นายวีระ หิรัญกุล ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองกาญจนบุรี และหัวหน้าส่วนราชการ ในพื้นที่ ร่วมพิธีฯ
ประวัติความเป็นมา สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระนามเดิม บุญมา พระโอรส ลำดับที่ 5 ใน สมเด็จพระปฐมบรม มหาชนก (ทองดี) และพระชนนีดาวเรือง ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 8 กันยายน พุทธศักราช 2286 ณ ตำบลป้อม เพชรพระนครศรีอยุธยา เสด็จสวรรคตเมื่อวัน ค่ำปีกุน ตรงกับ วันที่ 3 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2346 เป็นพระอนุชาธิราช ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ทรงรับราชการครั้งแรก ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 ได้ดำรงตำแหน่งนายสุดจินดา มหาดเล็กหุ้มเพชร หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา ในพุทธศักราช 2310 ทรงเดินทางไปสมทบกับสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ซึ่งขณะนั้น ดำรงตำแหน่งหลวงยกกระบัตรที่เมืองราชบุรีแล้วเดินทางไป เฝ้าเสด็จ พระเจ้าตากสินมหาราชที่เมืองจันทบุรี ได้ร่วมกันจัดเตรียมทัพกลับมากู้กรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่าสำเร็จจนกระทั่งสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นปึกแผ่นมั่นคง ทรงเป็นแม่ทัพคู่พระทัยสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ พระปรีชาสามารถด้านการสงครามเป็นที่ครั่นคร้ามแก่อริราชศัตรูจนได้รับพระสมัญญานามว่า พระยาเสือ บรรดาศักดิ์สุดท้ายที่ทรงได้รับในรัชกาลนี้ คือ เจ้าพระยา สุรสีห์ พิษณวาธิราช
พุทธศักราช 2325 ได้รับอุปราชาภิเษกเป็นพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยทรงร่วมราชการสงครามกับสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ตลอดมาและเป็นกำลังสำคัญ ในการป้องกันประเทศชาติ และราชบัลลังค์ ให้คงความเป็นไทยตลอดพระชนม์ชีพ สงครามครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ทรงใช้พระปรีชาสามารถความกล้าหาญเด็ดขาดจนมีชัยชนะแก่ข้าศึก ที่มีกำลังมากกว่าหลายเท่าได้ คือ สงครามเก้าทัพ ณ สมรภูมิลาดหญ้า แขวงเมืองกาญจนบุรี พระเกียรติคุณปรากฏสืบมาถึง รัชกาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาพระนามเฉลิมพระเกียรติว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
พระบรมรูปสมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ นี้จัดสร้างโดย บริษัท ทัศน์เทพ จำกัด บริจาคเงิน 250,000บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายขนาดความสูง 2.50 เมตร เนื้อโลหะสัมฤทธิ์รมดำ เดิมประดิษฐานอยู่ ณ อ าคารธรรมสถาน ค่ายสุรสีห์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2538 ในสมัย พล.ต. ฉลอง โชติกะคาม เป็น ผบ.พล.ร.9
ต่อมา พล.ต. ฐกัด หลอดศิริ ผบ.พล.ร.9 มีดำริว่า พื้นที่ บก.กกล.สุรสีห์ ส่วนหน้า เป็นพื้นที่ซึ่งมีประชาชนทั่วไปสัญจรไปมา จำนวนมาก จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ ที่แห่งนี้ เมื่อวันที่ 27สิงหาคม 2563 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้สักการะบูชา และเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของกำลังพล บก.กกล.สุรสีห์ ส่วนหน้า รวมทั้งเพื่อเป็นการเชิดชูพระเกียรติยศของพระองค์ให้ปรากฏต่อสาธารณชนสืบไป.
ภูริตา สายแก้ว/รายงาน